วันพฤหัสบดีที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

การเมืองหรือการบ้านของนักการเมืองไทย

             คงจะไม่มีใครที่มีความคิดที่สอดคล้องกันไปหมดทุกอย่าง  มีหลายเรื่องที่คนเรานั้นต่างมีความคิดที่เป็นของตัวเอง  และแตกต่างจากแนวความคิดของคนอื่น  บางคนก็คิดอย่างโน้น  บางคนก็คิดอย่างนี้ สุดท้ายเราก็มาทะเลาะกันเอง  ความคิดเห็นมันสามารถที่แตกต่างกันได้  แต่ัมันสำคัญที่ว่าเราจะแตกแยกกันหรือเป่าเท่านั้น
            การเมือง  ทุกคนคงจะคุ้นเคยกับคำนี้  แต่มีใครบ้างละที่ลึกซึ่งถึงความหมายมันจริง ๆ  แม้แต่นักการเมืองเองก็ช่างเถอะ  ประเทศไทยเปลี่ยนการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชมาเป็นประชาธิปไตยในปี  พ.ศ. 2475 หลาย ๆ คนคงจะทราบดี  หลังจากการเปลี่ยนแปลงการปกครองครั้งนั้นจะมีใครรู้บ้างว่าตลอดระยะเวลาที่ประเทศไทยนั้นปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยมันเิกิดอะไรขึ้น  เหตุการณ์หลาย ๆ เหตุการณ์ที่ทำให้ประชา่ชนคนไทยนั้นต้องมาเข่นฆ่ากันเอง  "อย่ามาถามเลยว่าทำไม" ก็เพราะมีนักการเมืองที่ห่วย ๆ เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตนเป็นที่ตั้ง  จนลืมไปว่าบ้านเมืองนั้นเป็นอย่างไร  รัฐบาลโน้นขึ้นมาปกครองก็หาว่าเด็กเส้น รัฐบาลนี้ขึ้นมาปกครองก็หาว่าเป็นคอมมิวนิสต์  แล้วนี้มันอะไรกันครับท่าน  ที่ชาวบ้านเขาออกมาชุมนุมท่านก็ใช้อาวุธสงครามยิงเขาตายตั้ง 91 ศพ "ถามหน่อยว่าใครรับผิดชอบ" ไม่มี อ้ายที่ตายมันก็ตายไป  แต่หาคนมารับผิดชอบไม่ได้  ดีจังนะประเทศไทยนอกจากจะฆ่ากันเองแถมยังเห็นแก่ตัว ได้ใจริง ๆ รัฐบาลไทย
             สำหรับรัฐธรรมนูญที่ใช้ในการปกครองส่วนมากใครเขาก็เห็นรัฐธรรมนูญฉบับ  2544 เป็นฉบับที่ดีที่สุด  เพราะมีประชามัติ  แต่พอเกิดการรัฐประหารขึ้น เปลี่ยนรัฐธรรมนูญเป็นฉบับ 2550 (ฉบับชั่วคราว) เขาประกาศออกมาว่าเป็นฉบับชั่วคราว แต่ทำไมถึงใช้กันมาถึง 4-5 ปีละ  (ไม่รักษาคำพูดนี่น่า ไม่เป็นผู้นำเอาสะเลย)  บางคนเอารัฐธรรมนูญทั้งสองฉบับนี้มาเปรียบเทียบกัน  อันไหนดีอันไหนเสีย แทนที่จะเอาข้อดีทั้งสองรัฐธรรมนูญนั้นมารวมกัน  (ทำแบบนี้ดีกว่าไหม)  สิ่งที่เป็นปัญหาอยู่นั้นไม่ใช่เป็นเพราะรัฐธรรมนูญหรอกครับ  แต่ที่เป็นปัญหาก็คือคนนี่แหละ  ใครที่เห็นมันว่าเป็นปัญหามันก็เป็นปัญหาอยู่วันยังค่ำ  ไม่มีอะไรดีหรอกถ้าไม่รู้จักคำว่าพอสักที  รัฐธรรมนูญฉบับไหนก็ดีหมดแหละ  แต่ที่ไม่ดีก็เพราะมีคนโกงบ้านโกงเมืองอยู่นี่แหละ  ปากก็อ้างว่าอยากให้ประชาชนกินดีอยู่ดี  มีสถานภาพที่ดีขึ้น  แต่ก็คอลัปชันกันไม่หยุดหย่อน  แบบนี้ประเทศไทยจะเจริญได้ไง (ว่าไปเดียวเขาก็ว่าเอาหรอก)  จะพูดแต่ปากไปหรือเป่า  นักการเมืองก็ถกเทียงกันในสภาหลายเรื่องก็ดีหลายเรื่องก็ไม่ดี  แต่หารู้ไม่ว่าประชาชนจะอดตายอยู่แล้ว  อะไรที่สมควรที่จะแก้ไขก็ไม่แก้สักทีมัวแต่เทียงกันอยู่นั่นแหละ
             คนไทยเป็นอีกประเภทหนึ่งที่ชอบอ้างอิงเรื่องของฝรั่ง  ทฤษฎีโน้นทฤษฎีนี้ถึงจะเชื่อว่ามันเป็นจริงตามที่เขาพูด  ทั้งที่ทฤษฎีของคนไทยก็มีแต่ไม่เอา  การปกครองก็เช่นกันประเทศไทยปกครองในระบอบประชาธิปไตยเพียง  79 ปี  แต่มีรัฐธรรมนูญถึง  18 ฉบับ  (เยอะจริง ๆ) แต่ส่วนที่ดีของฝรั่งไม่เอามาเป็นแบบอย่าง เช่นอังกฤษ  และสหรัส มีแค่ฉบับเดียว
              สรุปแล้ว     ก่อนที่จะแก้ไขปัญหาของประเทศนักการเมืองนั่นแหละควรที่จะแก้ไขสามัญสำนึกของตัวเองสะบ้าง  จะได้หูตาสว่างว่าประชาชนเขาเป็นอยู่ยังไง  ถ้าแก้ที่ตัวเองแก้ที่รัฐไม่ได้ก็อย่าหวังว่าจะแก้ไขปัญหาของประเทศได้ ....